ไคลเอ็นต์ Telnet เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายและช่วยจัดการ เครื่องมือนี้ถูกใช้โดยนักพัฒนาและผู้ดูแลระบบค่อนข้างบ่อย มันถูกรวมเข้ากับ Windows 10 และสามารถใช้ได้ผ่านพรอมต์คำสั่ง อย่างไรก็ตาม เครื่องมือนี้ถูกปิดใช้งานในระบบปฏิบัติการโดยค่าเริ่มต้น อาจถูกปิดใช้งานเพื่อประหยัดการใช้ทรัพยากรเนื่องจากผู้บริโภคทั่วไปไม่ได้ใช้เครื่องมือเลย
ในบทความนี้ เราจะสอนวิธีที่ง่ายที่สุดในการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันบน Windows 10 โปรดปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
วิธีเปิดใช้งาน Telnet ใน Windows 10
ไคลเอ็นต์ Telnet จะรวมอยู่ใน Windows 10 เป็นคุณลักษณะใหม่ แต่จะถูกปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น เป็นเรื่องปกติที่ Windows จะปิดใช้งานคุณลักษณะบางอย่างที่ผู้บริโภคทั่วไปไม่ได้ใช้เพื่อลดการใช้ทรัพยากร มีหลายวิธีในการเปิดใช้งานไคลเอ็นต์ แต่เราจะเน้นที่ 2 วิธีที่ง่ายที่สุดในบทความนี้
วิธีที่ 1:ผ่าน PowerShell
คุณลักษณะ Telnet สามารถอัปเดตได้อย่างง่ายดายผ่าน Powershell โดยใช้บรรทัดคำสั่งง่ายๆ เพื่อเปิดใช้งานคุณสมบัติผ่าน PowerShell:
- กด “Windows ” + “อาร์ ” เพื่อเปิดพรอมต์เรียกใช้
- พิมพ์ “Powershell ” และกด “Shift” + “Ctrl ” + “ป้อน” เพื่อให้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ
- พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้แล้วกด “Enter “.
dism /online /Enable-Feature /FeatureName:TelnetClient
- รอให้คำสั่งประมวลผลและคุณลักษณะนี้จะเปิดใช้งาน
วิธีที่ 2:ผ่านแผงควบคุม
หากกระบวนการข้างต้นไม่ได้ผลสำหรับคุณ คุณสามารถลองใช้วิธีการอื่น เนื่องจากสามารถเปิดใช้งานคุณลักษณะนี้ผ่านแผงควบคุมได้ สำหรับสิ่งนั้น:
- กด “Windows ” + “อาร์ ” พร้อมกันเพื่อเปิดพรอมต์เรียกใช้
- พิมพ์ “แผงควบคุม ” และกด “เข้าสู่ “.
- คลิกที่ “ดู โดย ” และเลือก “เล็ก ไอคอน “.
- คลิกที่ “Windows คุณสมบัติ ” และเลือก “เปิดหรือปิดคุณลักษณะของ Windows ” ในบานหน้าต่างด้านซ้าย
- เลื่อนลงและเลือก “Telnet ลูกค้า ” ตัวเลือก
- คลิกที่ “ตกลง ” เพื่อเปิดใช้งานไคลเอนต์
ตรวจสอบว่าไคลเอ็นต์ถูกเปิดใช้งานหรือไม่:
หลังจากดำเนินการหนึ่งในสองวิธีที่ระบุไว้ข้างต้น ไคลเอ็นต์ Telnet อาจถูกเปิดใช้งานแล้ว เพื่อเป็นการยืนยันว่า:
- กด “Windows ” + “อาร์ ” พร้อมกันเพื่อเปิดพรอมต์ “เรียกใช้”
- พิมพ์ “cmd ” และกด “Shift ” + “Ctrl ” + “ป้อน ” เพื่อให้สิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ
- พิมพ์ “Telnet ” และกด “เข้าสู่ ”
- ตรวจดูว่าคำสั่งทำงานหรือไม่