สมมติว่าเรามีอาร์เรย์ A ที่มีองค์ประกอบ n และค่าอื่นๆ l, r และ k อยู่ที่นั่น อามาลต้องการซื้อช็อกโกแลตและเขาจะไม่ซื้อช็อกโกแลตราคาแพงเกินไป และไม่ควรซื้อช็อกโกแลตราคาถูกเกินไปด้วย ในร้าน มีช็อกโกแลตแท่งต่างๆ อยู่ n แท่ง และราคาแสดงอยู่ใน A แท่งช็อกโกแลตจะแพงเกินไปหากราคามากกว่า r และราคาถูกเกินไปหากราคาต่ำกว่า l เขาต้องการใช้จ่ายไม่เกิน k รูปี เราต้องหาช็อกโกแลตให้ได้มากที่สุด
ดังนั้น ถ้าอินพุตเป็น A =[1, 2, 3, 4, 5, 6]; ล. =3; r =5; k =10 แล้วผลลัพธ์จะเป็น 2 เพราะเขาสามารถซื้อช็อคโกแลตมูลค่า 3 รูปีและ 4 คูณ 7 รูปี
ขั้นตอน
เพื่อแก้ปัญหานี้ เราจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ -
n := size of A ans := 0 sort the array A for initialize i := 0, when i < n, update (increase i by 1), do: if A[i] > k, then: Come out from the loop if A[i] >= l and A[i] <= r, then: k := k - A[i] (increase ans by 1) return ans
ตัวอย่าง
ให้เราดูการใช้งานต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น -
#include <bits/stdc++.h> using namespace std; int solve(vector<int> A, int l, int r, int k) { int n = A.size(); int ans = 0; sort(A.begin(), A.end()); for (int i = 0; i < n; ++i) { if (A[i] > k) break; if (A[i] >= l && A[i] <= r) { k -= A[i]; ++ans; } } return ans; } int main() { vector<int> A = { 1, 2, 3, 4, 5, 6 }; int l = 3; int r = 5; int k = 10; cout << solve(A, l, r, k) << endl; }
อินพุต
{ 1, 2, 3, 4, 5, 6 }, 3, 5, 10
ผลลัพธ์
2