เราได้รับสตริง str เป้าหมายคือการนับจำนวนสตริงย่อยใน str ที่มีอักขระเริ่มต้นเหมือนกับอักขระ X และอักขระลงท้ายเหมือนกับอักขระ Y ตัวอย่างเช่น หากอินพุตคือ "artact" และ X='a' และ Y='t' สตริงย่อยจะเป็น "art", "act", "artact" นับเป็น 3
ให้เราเข้าใจด้วยตัวอย่าง
ป้อนข้อมูล − str=”abcccdef” X=’a’ Y=’c’
ผลผลิต −จำนวนสตริงย่อยที่ขึ้นต้นด้วยอักขระ X และลงท้ายด้วย Y คือ − 3
คำอธิบาย − สตริงย่อยจะเป็น
“abc”, “abcc”, “abccc”. Total 3.
ป้อนข้อมูล − str=”พายุ” X=’t’ Y=’t’
ผลผลิต − จำนวนสตริงย่อยที่ขึ้นต้นด้วยอักขระ X และลงท้ายด้วย Y คือ − 3
คำอธิบาย − สตริงย่อยจะเป็น −
“t” , “tempest” , “t”. Total 3
แนวทางที่ใช้ในโปรแกรมด้านล่างมีดังนี้
เราจะสำรวจสตริงและจำนวนที่เพิ่มขึ้นของ X หากพบ Y ให้เพิ่มจำนวน X ลงในจำนวนสตริงที่ขึ้นต้นด้วย X และลงท้ายด้วย Y
-
ใช้สตริง str. คำนวณความยาวเป็น str.size()
-
ฟังก์ชัน X_Y(string str, int length, char X, char Y) รับสตริง str, อักขระ X, Y และคืนค่าจำนวนสตริงย่อยของ str ที่ขึ้นต้นด้วย X และลงท้ายด้วย Y
-
นับเริ่มต้นเป็น 0
-
ใช้ x_total เป็นจำนวนอักขระ X ใน str.
-
Traverse str ใช้ for loop จาก i=0 ถึง i<ความยาว
-
ถ้า str[i]==X ให้นับ X เพิ่มขึ้นเป็น str (x_total++)
-
ถ้า str[i]==Y ให้เพิ่ม x_total เพื่อนับ หากไม่มี X อยู่ x_total จะเป็น 0 มิฉะนั้น Y คืออักขระสิ้นสุดของสตริงย่อยที่เริ่มต้นจาก X
-
ผลตอบแทนนับเป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ
ตัวอย่าง
#include <bits/stdc++.h> using namespace std; int X_Y(string str, int length, char X, char Y){ int count = 0; int x_total = 0; for (int i = 0; i < length; i++){ if(str[i] == X){ x_total++; } if (str[i] == Y){ count = count + x_total; } } return count; } int main(){ string str = "defaabbcchhkl"; int length = str.size(); char X = 'd'; char Y = 'a'; cout<<"Count of substrings that starts with character X and ends with character Y are: "<<X_Y(str, length, X, Y); return 0; }
ผลลัพธ์
หากเราเรียกใช้โค้ดข้างต้น มันจะสร้างผลลัพธ์ต่อไปนี้ -
Count of substrings that starts with character X and ends with character Y are: 2