สมมติว่าเรามีอาร์เรย์ของจำนวนเต็มและค่าจำนวนเต็ม a, b และ c เรียงกัน เราต้องใช้ฟังก์ชันกำลังสองของรูปแบบ f(x) =ax^2 + bx + c กับแต่ละองค์ประกอบ x ในอาร์เรย์ และอาร์เรย์สุดท้ายจะต้องอยู่ในลำดับการจัดเรียง
ดังนั้น หากอินพุตเป็น nums =[-4,-2,2,4], a =1, b =3, c =5 ผลลัพธ์จะเป็น [3,9,15,33]
เพื่อแก้ปัญหานี้ เราจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ -
-
กำหนดฟังก์ชัน f() ที่รับ x, a, b, c −
-
ขวานกลับ^2 + bx + c
-
จากวิธีหลัก ให้ทำดังต่อไปนี้ −
-
n :=ขนาดของ nums
-
start :=0, end :=n - 1
-
กำหนดขนาดของอาร์เรย์ n
-
ถ้า a>=0 แล้ว −
-
สำหรับการเริ่มต้น i :=n - 1 เมื่อ i>=0, อัปเดต (ลด i โดย 1) ให้ทำ -
-
x :=f(nums[start], a, b, c)
-
y :=f(nums[end], a, b, c)
-
ถ้า x> y แล้ว −
-
(เพิ่มขึ้นเริ่มต้น 1)
-
ret[i] :=x
-
-
มิฉะนั้น
-
ret[i] :=y
-
(ลดทีละ 1)
-
-
-
-
มิฉะนั้น
-
สำหรับการเริ่มต้น i :=0 เมื่อ i
-
x :=f(nums[start], a, b, c)
-
y :=f(nums[end], a, b, c)
-
ถ้า x
-
(เพิ่มขึ้นเริ่มโดย 1)
-
ret[i] :=x
-
-
มิฉะนั้น
-
ret[i] :=y
-
(ลดทีละ 1)
-
-
-
-
รีเทิร์น
ตัวอย่าง
ให้เราดูการใช้งานต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น -
#include <bits/stdc++.h> using namespace std; void print_vector(vector<auto< v){ cout << "["; for(int i = 0; i<v.size(); i++){ cout << v[i] << ", "; } cout << "]"<<endl; } class Solution { public: int f(int x, int a, int b, int c){ return a * x * x + b * x + c; } vector<int< sortTransformedArray(vector<int<& nums, int a, int b, int c) { int n = nums.size(); int start = 0; int end = n - 1; vector<int< ret(n); if (a >= 0) { for (int i = n - 1; i >= 0; i--) { int x = f(nums[start], a, b, c); int y = f(nums[end], a, b, c); if (x > y) { start++; ret[i] = x; } else { ret[i] = y; end--; } } } else { for (int i = 0; i < n; i++) { int x = f(nums[start], a, b, c); int y = f(nums[end], a, b, c); if (x < y) { start++; ret[i] = x; } else { ret[i] = y; end--; } } } return ret; } }; main(){ Solution ob; vector<int< v = {-4,-2,2,4}; print_vector(ob.sortTransformedArray(v, 1, 3, 5)); }
อินพุต
{-4,-2,2,4}, 1, 3, 5
ผลลัพธ์
[3, 9, 15, 33, ]