อย่างที่เราทราบดีว่าการเข้ารหัสประกอบด้วยสองกระบวนการซึ่งก็คือการเข้ารหัสและถอดรหัสที่ดำเนินการที่ปลายทางผู้ส่งและผู้รับตามลำดับ โดยทั่วไปแล้ว Cryptography นั้นได้รับการฝึกฝนหรือนำไปใช้เพื่อทำการสื่อสารที่ปลอดภัยระหว่างผู้ส่งและผู้รับในสภาพแวดล้อมสาธารณะในลักษณะที่นอกเหนือจากทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครได้รับหรือเข้าใจข้อความที่ส่งไป
บนพื้นฐานของประเภทของการเข้ารหัสและการถอดรหัสของข้อความ เราสามารถแยกแยะระหว่างการเข้ารหัสแบบคลาสสิกและแบบควอนตัมได้ดังนี้ -
ซีเนียร์ เลขที่ | คีย์ | การเข้ารหัสแบบคลาสสิก | การเข้ารหัสด้วยควอนตัม |
---|---|---|---|
1 | พื้นฐาน | ในการเข้ารหัสและถอดรหัสการเข้ารหัสแบบคลาสสิกจะทำโดยใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ | ในทางกลับกัน การเข้ารหัสและถอดรหัส Quantum Cryptography นั้นใช้กลไกควอนตัม |
2 | ความซับซ้อน | การเข้ารหัสลับแบบคลาสสิกนั้นใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ จึงไม่ซับซ้อนและใช้กันอย่างแพร่หลาย | ในทางกลับกัน Quantum Cryptography มีพื้นฐานมาจากฟิสิกส์ จึงซับซ้อนกว่า |
3 | ลายเซ็น | การเข้ารหัสแบบคลาสสิกมีลายเซ็นดิจิทัล | ในทางกลับกัน Quantum Cryptography ไม่มีลายเซ็นดิจิทัล |
4 | ที่เก็บข้อมูลบิต | การเข้ารหัสแบบคลาสสิกมีการจัดเก็บบิตของสตริง n-bit สองสตริง | ในทางกลับกัน Quantum Cryptography มีหน่วยเก็บบิตของสตริง n-bit หนึ่งสตริง |
5 | ช่วง | ระยะการสื่อสารหลายล้านไมล์ในกรณีของการเข้ารหัสลับแบบคลาสสิก | ในทางกลับกัน ช่วงการสื่อสารสูงสุด 10 ไมล์ ในกรณีของ Quantum Cryptography |