ขณะพิจารณาปีเป็นค่า 4 หลัก MySQL ต้องใช้ตัวเลขอย่างน้อย 8 หลักในสตริงหรือตัวเลขเพื่อระบุเป็นค่าวันที่ ในกรณีนี้ หากเราต้องการเก็บไมโครวินาทีด้วย ค่านั้นสามารถมีได้สูงสุด 20 หลัก
mysql> Select TIMESTAMP('20171022040536.100000'); +-----------------------------------+ | TIMESTAMP('20171022040536100000') | +-----------------------------------+ | 2017-10-22 04:05:36.100000 | +-----------------------------------+ 1 row in set, 1 warning (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนใช้สตริง 20 หลักสำหรับค่า TIMESTAMP 6 หลักสุดท้ายเป็นไมโครวินาที
mysql> Select TIMESTAMP(20171022); +---------------------+ | TIMESTAMP(20171022) | +---------------------+ | 2017-10-22 00:00:00 | +---------------------+ 1 row in set (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนใช้สตริง 8 หลักสำหรับค่า TIMESTAMP
mysql> Select TIMESTAMP(201710); +-------------------+ | TIMESTAMP(201710) | +-------------------+ | NULL | +-------------------+ 1 row in set, 1 warning (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนคืนค่า NULL เนื่องจากตัวเลขน้อยกว่า 8
ในทางตรงกันข้าม ในขณะที่พิจารณาปีเป็นค่า 2 หลัก MySQL ต้องใช้ตัวเลขอย่างน้อย 6 หลักในสตริงหรือตัวเลขเพื่อระบุเป็นค่าวันที่ ในกรณีนี้ หากเราต้องการเก็บไมโครวินาทีด้วย ค่านั้นสามารถมีได้สูงสุด 18 หลัก
mysql> Select TIMESTAMP(171022); +---------------------+ | TIMESTAMP(171022) | +---------------------+ | 2017-10-22 00:00:00 | +---------------------+ 1 row in set (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนใช้สตริง 6 หลักสำหรับค่า TIMESTAMP
mysql> Select TIMESTAMP('171022040536.200000'); +----------------------------------+ | TIMESTAMP('171022040536.200000') | +----------------------------------+ | 2017-10-22 04:05:36.200000 | +----------------------------------+ 1 row in set (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนใช้สตริง 18 หลักสำหรับค่า TIMESTAMP ตัวเลข 6 หลักสุดท้ายหลังจุด (.) คือไมโครวินาที
mysql> Select TIMESTAMP(1710); +-----------------+ | TIMESTAMP(1710) | +-----------------+ | NULL | +-----------------+ 1 row in set, 1 warning (0.00 sec)
ข้อความค้นหาด้านบนคืนค่า NULL เนื่องจากตัวเลขน้อยกว่า 6