ที่จริงแล้วสำหรับการใช้ฟังก์ชัน MySQL TRIM() เราจะต้องรู้สตริงที่เราต้องการตัดจากสตริงเดิม นี่กลายเป็นข้อเสียเปรียบหลักของ TRIM() ในกรณีที่เราต้องการตัดสตริงที่มีค่าต่างกัน ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราต้องการได้ผลลัพธ์หลังจากตัดอักขระสองตัวสุดท้ายออกจากสตริง แต่ทุกสตริงมีอักขระต่างกันในสองตำแหน่งสุดท้าย
ตัวอย่าง
mysql> Select * from Employee; +------+----------------+------------+-----------------+ | Id | Name | Address | Department | +------+----------------+------------+-----------------+ | 100 | Raman | Delhi | IT | | 101 | Mohan | Haryana | History | | 102 | Shyam | Chandigarh | ENGLISH | | 103 | Sukhjeet Singh | Patiala | Computer Engg. | | 104 | Bimal Roy | Calcutta | Computer Engg. | +------+----------------+------------+-----------------+ 5 rows in set (0.00 sec)
ในตารางด้านบน สมมติว่าฉันต้องการได้ผลลัพธ์หลังจากตัดอักขระสองตัวสุดท้ายจาก Name, Address และ Department Column จากนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการด้วยแบบสอบถามเดียวโดยใช้ TRIM() เป็นไปไม่ได้เนื่องจากค่าที่อักขระสองตัวสุดท้ายคือ ไม่เหมือนกัน
อีกกรณีหนึ่งที่เราไม่สามารถใช้ฟังก์ชัน TRIM() ได้ คือกรณีที่เราต้องการลบอักขระที่ไม่ต้องการที่อยู่ตรงกลางของสตริง เป็นเพราะฟังก์ชัน TRIM() จะลบเฉพาะอักขระนำหน้าหรือต่อท้ายที่ไม่ต้องการออกจากสตริงเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ในตารางด้านบน เราไม่สามารถลบช่องว่างระหว่าง 'Sukhjeet Singh' โดยใช้ฟังก์ชัน TRIM()