การต่อสายอักขระสองสายเข้าด้วยกันหมายถึงการรวมสายอักขระทั้งสองเข้าด้วยกัน การต่อกันของ “Tutorials” และ “Point” จะส่งผลให้ “TutorialsPoint”
เราจะพูดถึงวิธีการต่างๆ ในการต่อสองสตริงเข้าด้วยกันใน Python
การใช้ตัวดำเนินการ '+'
สามารถเชื่อมสตริงสองสตริงใน Python ได้โดยใช้โอเปอเรเตอร์ '+' ระหว่างสตริงทั้งสอง
สามารถเชื่อมสตริงได้มากกว่าสองสตริงโดยใช้ตัวดำเนินการ '+'
ตัวอย่าง
s1="Tutorials" s2="Point" s3=s1+s2 s4=s1+" "+s2 print(s3) print(s4)
ผลลัพธ์
TutorialsPoint Tutorials Point
ใช้ % โอเปอเรเตอร์
เราสามารถใช้ตัวดำเนินการ % เพื่อรวมสองสตริงใน Python การใช้งานจะแสดงในตัวอย่างด้านล่าง
ตัวอย่าง
s1="Tutorials" s2="Point" s3="%s %s"%(s1,s2) s4="%s%s"%(s1,s2) print(s3) print(s4)
ผลลัพธ์
Tutorials Point TutorialsPoint
%s หมายถึงประเภทข้อมูลสตริง ช่องว่างระหว่างสองสตริงในผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับช่องว่างระหว่าง “%s %s” ซึ่งชัดเจนจากตัวอย่างด้านบน
ใช้วิธีการ join()
join() เป็นวิธีการสตริงที่ใช้ในการรวมลำดับขององค์ประกอบ วิธีนี้สามารถใช้เพื่อรวมสองสตริงได้
ตัวอย่าง
s1="Tutorials" s2="Point" s3="".join([s1,s2]) s4=" ".join([s1,s2]) print(s3) print(s4)
ผลลัพธ์
TutorialsPoint Tutorials Point
การใช้ format()
format() เป็นฟังก์ชันการจัดรูปแบบสตริง สามารถใช้เชื่อม 2 สตริงได้
ตัวอย่าง
s1="Tutorials" s2="Point" s3="{}{}".format(s1,s2) s4="{} {}".format(s1,s2) print(s3) print(s4)
ผลลัพธ์
TutorialsPoint Tutorials Point
{} กำหนดตำแหน่งของตัวแปรสตริง ช่องว่างระหว่าง '{} {}' รับผิดชอบช่องว่างระหว่างสองสตริงที่ต่อกันในเอาต์พุต