ค่าเฉลี่ย ค่ามัธยฐาน และโหมด เป็นฟังก์ชันทางสถิติที่ใช้บ่อยมากในการวิเคราะห์ข้อมูล แม้ว่าจะมีห้องสมุดหลามอยู่บ้าง
การหาค่าเฉลี่ย
ค่าเฉลี่ยของรายการตัวเลขเรียกอีกอย่างว่าค่าเฉลี่ยของตัวเลข หาได้จากผลรวมของตัวเลขทั้งหมดแล้วหารด้วยการนับจำนวน ในตัวอย่างด้านล่าง เราใช้ฟังก์ชัน sum() เพื่อรับผลรวมของตัวเลข และฟังก์ชัน th elen() เพื่อรับการนับจำนวน
ตัวอย่าง
num_list = [21, 11, 19, 3,11,5] # FInd sum of the numbers num_sum = sum(num_list) #divide the sum with length of the list mean = num_sum / len(num_list) print(num_list) print("Mean of the above list of numbers is: " + str(round(mean,2)))
ผลลัพธ์
การเรียกใช้โค้ดข้างต้นทำให้เราได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ -
[21, 11, 19, 3, 11, 5] Mean of the above list of numbers is: 11.67
การหาค่ามัธยฐาน
ค่ามัธยฐานคือค่ากลางที่มากที่สุดในรายการตัวเลข ในกรณีที่มีการนับจำนวนคี่ในรายการ ให้เรียงลำดับที่หายไปและเลือกค่าตรงกลางมากที่สุด หากการนับเป็นจำนวนคู่ เราจะเลือกค่าที่อยู่ตรงกลางมากที่สุด 2 ค่าแล้วนำค่าเฉลี่ยเป็นค่ามัธยฐาน
ตัวอย่าง
num_list = [21, 13, 19, 3,11,5] # Sort the list num_list.sort() # Finding the position of the median if len(num_list) % 2 == 0: first_median = num_list[len(num_list) // 2] second_median = num_list[len(num_list) // 2 - 1] median = (first_median + second_median) / 2 else: median = num_list[len(num_list) // 2] print(num_list) print("Median of above list is: " + str(median))
ผลลัพธ์
การเรียกใช้โค้ดข้างต้นทำให้เราได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ -
[3, 5, 11, 13, 19, 21] Median of above list is: 12.0
โหมดการค้นหา
Mode คือหมายเลขที่อยู่ในรายการซึ่งเกิดขึ้นบ่อยที่สุด เราคำนวณโดยหาความถี่ของแต่ละหมายเลขที่อยู่ในรายการ จากนั้นเลือกหมายเลขที่มีความถี่สูงสุด
ตัวอย่าง
import collections # list of elements to calculate mode num_list = [21, 13, 19, 13,19,13] # Print the list print(num_list) # calculate the frequency of each item data = collections.Counter(num_list) data_list = dict(data) # Print the items with frequency print(data_list) # Find the highest frequency max_value = max(list(data.values())) mode_val = [num for num, freq in data_list.items() if freq == max_value] if len(mode_val) == len(num_list): print("No mode in the list") else: print("The Mode of the list is : " + ', '.join(map(str, mode_val)))
ผลลัพธ์
การเรียกใช้โค้ดข้างต้นทำให้เราได้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ -
[21, 13, 19, 13, 19, 13] {21: 1, 13: 3, 19: 2} The Mode of the list is : 13