ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการนำฟังก์ชัน isdisjoint() ไปใช้กับประเภทข้อมูล set() ฟังก์ชันนี้จะตรวจสอบว่าชุดที่ส่งผ่านเนื่องจากอาร์กิวเมนต์มีองค์ประกอบที่เหมือนกันหรือไม่ ในกรณีที่พบองค์ประกอบใด ๆ จะส่งคืน False และ True มิฉะนั้น
ฟังก์ชัน isdisjoint() สามารถรับรายการ สิ่งอันดับ และพจนานุกรมเป็นอาร์กิวเมนต์อินพุต นอกเหนือจากการตั้งค่าอินพุต ล่าม Python แปลงประเภท THses เป็นประเภทการตั้งค่าโดยปริยาย
ไวยากรณ์
<set 1>.isdisjoint(<set 2>)
คืนค่า
บูลีน จริง/เท็จ
ทีนี้มาพิจารณาภาพประกอบที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน
ตัวอย่าง
#declaration of the sample sets set_1 = {'t','u','t','o','r','i','a','l'} set_2 = {'p','o','i','n','t'} set_3 = {'p','y'} #checking of disjoint of two sets print("set1 and set2 are disjoint?", set_1.isdisjoint(set_2)) print("set2 and set3 are disjoint?", set_2.isdisjoint(set_3)) print("set1 and set3 are disjoint?", set_1.isdisjoint(set_3))
ผลลัพธ์
set1 and set2 are disjoint? False set2 and set3 are disjoint? False set1 and set3 are disjoint? True
คำอธิบาย
เนื่องจาก set_1 &set_2 มีองค์ประกอบที่เหมือนกัน ดังนั้นค่าบูลจึงแสดงเป็นเท็จ สิ่งนี้เหมือนกับการเปรียบเทียบระหว่าง set_2 และ set_3 แต่ในการเปรียบเทียบระหว่าง set_1 และ set_3 ค่าบูล True จะแสดงขึ้นเมื่อไม่พบองค์ประกอบทั่วไป
ทีนี้มาดูภาพประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกับ iterable อื่นที่ไม่ใช่ set type
หมายเหตุ :set_1 ที่ประกาศภายนอกต้องเป็นประเภทชุดเพื่อให้ล่ามทราบเกี่ยวกับการเปรียบเทียบระหว่างชุด อาร์กิวเมนต์ที่อยู่ภายในสามารถเป็นประเภทใดก็ได้ซึ่งถูกแปลงโดยปริยายเป็นประเภทชุด
ตัวอย่าง
#declaration of the sample iterables set_1 = {'t','u','t','o','r','i','a','l'} set_2 = ('p','o','i','n','t') set_3 = {'p':'y'} set_4 = ['t','u','t','o','r','i','a','l'] #checking of disjoint of two sets print("set1 and set2 are disjoint?", set_1.isdisjoint(set_2)) print("set2 and set3 are disjoint?", set_1.isdisjoint(set_3)) print("set1 and set3 are disjoint?", set_1.isdisjoint(set_4))
ผลลัพธ์
set1 and set2 are disjoint? False set2 and set3 are disjoint? True set1 and set3 are disjoint? False
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบเพื่อหาองค์ประกอบทั่วไปและได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
บทสรุป
ในบทความนี้ เราได้เรียนรู้วิธีใช้ฟังก์ชัน disjoint() ใน Python และประเภทของอาร์กิวเมนต์ที่อนุญาตให้เปรียบเทียบได้โดยใช้ฟังก์ชันนี้