เราได้รับจำนวนองค์ประกอบทั้งหมด และงานคือการคำนวณจำนวนเมทริกซ์ทั้งหมดที่มีลำดับต่างกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยข้อมูลที่กำหนด เมทริกซ์มีลำดับ mxn โดยที่ m คือจำนวนแถว และ n คือจำนวนคอลัมน์
ป้อนข้อมูล − จำนวนเต็ม =6
ผลผลิต −จำนวนเมทริกซ์ของคำสั่งต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยจำนวนองค์ประกอบที่กำหนด ได้แก่ 4
คำอธิบาย − เราได้รับจากจำนวนองค์ประกอบทั้งหมดที่เมทริกซ์ของลำดับใด ๆ สามารถมีได้คือ 6 ดังนั้นลำดับเมทริกซ์ที่เป็นไปได้ที่มี 6 องค์ประกอบคือ (1, 6), (2, 3), (3, 2) และ ( 6, 1) ซึ่งเป็นเลข 4
ป้อนข้อมูล − จำนวนเต็ม =40
ผลผลิต − จำนวนเมทริกซ์ของคำสั่งต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยจำนวนองค์ประกอบที่กำหนดคือ:8
คำอธิบาย − เราได้รับจากจำนวนองค์ประกอบทั้งหมดที่เมทริกซ์ของลำดับใด ๆ สามารถมีได้ซึ่งก็คือ 40 ดังนั้นลำดับเมทริกซ์ที่เป็นไปได้ที่มี 40 องค์ประกอบคือ (1, 40), (2, 20), (4, 10), ( 5, 8), (8, 5), (10, 4), (20, 2) และ (40, 1) ซึ่งเป็นตัวเลข 8
แนวทางที่ใช้ในโปรแกรมด้านล่างมีดังนี้
-
ป้อนจำนวนองค์ประกอบทั้งหมดที่สามารถใช้เพื่อสร้างลำดับเมทริกซ์ที่แตกต่างกันได้
-
ส่งข้อมูลไปยังฟังก์ชันเพื่อการคำนวณต่อไป
-
ใช้การนับตัวแปรชั่วคราวเพื่อเก็บจำนวนเมทริกซ์ที่มีลำดับต่างกัน
-
เริ่มวนซ้ำ FOR จาก i ถึง 1 จนถึงจำนวน
-
ภายในลูป ให้ตรวจสอบ IF number % i =0 แล้วเพิ่มจำนวนขึ้น 1
-
คืนจำนวน
-
พิมพ์ผลลัพธ์
ตัวอย่าง
#include <iostream> using namespace std; //function to count matrices (of different orders) with given number of elements int total_matrices(int number){ int count = 0; for (int i = 1; i <= number; i++){ if (number % i == 0){ count++; } } return count; } int main(){ int number = 6; cout<<"Count of matrices of different orders that can be formed with the given number of elements are: "<<total_matrices(number); return 0; }
ผลลัพธ์
หากเราเรียกใช้โค้ดข้างต้น มันจะสร้างผลลัพธ์ต่อไปนี้ -
Count of matrices of different orders that can be formed with the given number of elements are: 4