เราได้รับอาร์เรย์ Arr[] ของจำนวนเต็มบวกขนาด N เป้าหมายคือการนับจำนวนองค์ประกอบในอาร์เรย์นั้นซึ่งสามารถแสดงเป็นผลรวมของจำนวนเฉพาะของพาริตี นั่นคือสามารถแสดงเป็นผลรวมของจำนวนเฉพาะเดียวกันได้ ตัวเลข. อดีต; 4=2+2, 6=3+3 หรือ 2+2+2
ผลบวกของเลขคี่หรือเลขคู่สองตัวจะเป็นจำนวนคู่เสมอ และยกเว้น 0 และ 2 ตัวเลขคู่ทั้งหมดสามารถแสดงเป็นผลรวมของจำนวนเฉพาะเดียวกันได้
มาทำความเข้าใจกับตัวอย่างกัน
ป้อนข้อมูล
Arr[] = { 2, 5, 10, 15, 20, 25 }
ผลผลิต
Number which satisfy condition : 3
คำอธิบาย
Numbers as sum of same primes: Arr[0] = 2 X count=0 Arr[1] = 5 : X count=0 Arr[2] = 10 :5+5 count=1 Arr[3] = 15 : X count=1 Arr[4] = 20 : 5+5+5+5 count=2 Arr[5] = 25 : X count=2
ป้อนข้อมูล
Arr[] = { 0, 2, 4, 11, 13}
ผลผลิต
Number which satisfy condition : 1
คำอธิบาย
Numbers as sum of same primes: Arr[0] = 0 : X count=0 Arr[1] = 2 : X count=0 Arr[2] = 4 : 2+2 count=1 Arr[3] = 11 : X count=1 Arr[4] = 13 : X count=1
แนวทางที่ใช้ในโปรแกรมด้านล่างมีดังนี้
-
เราใช้อาร์เรย์ของจำนวนเต็มบวกที่มีความยาว N..
-
ฟังก์ชัน sumofparityPrimes(int arr[],int n) รับอาร์เรย์และ n เป็นอินพุตและส่งกลับจำนวนองค์ประกอบที่สามารถแสดงเป็นผลรวมของไพรม์พาริตีได้
-
ใช้ตัวแปรเริ่มต้นนับเป็น 0 สำหรับตัวเลขดังกล่าว..
-
Traverse array ใช้ for วนซ้ำ
-
สำหรับแต่ละองค์ประกอบถ้ามันเป็นคู่ ( arr[i]%2==0 )
-
จากนั้นตรวจสอบว่าไม่ใช่ 0 หรือ 2 หากนับการเพิ่มจริง
-
คืนค่าการนับเป็นผลลัพธ์ที่ส่วนท้ายของ for loop
ตัวอย่าง
#include <bits/stdc++.h> using namespace std; int sumofparityPrimes(int arr[],int n){ int count = 0; for(int i=0;i<n;i++){ if(arr[i]%2==0) //num is even only{ if(arr[i]!=0){ if(arr[i]!=2) { count++; } //neither 0 nor 2 } } } return count; } int main(){ int Arr[]={ 12, 5 , 15, 8, 100, 40 }; int Length= sizeof(Arr)/sizeof(Arr[0]); cout <<endl<< "Number which satisfy condition : "<<sumofparityPrimes(Arr,Length); return 0; }
ผลลัพธ์
หากเราเรียกใช้โค้ดข้างต้น มันจะสร้างผลลัพธ์ต่อไปนี้ -
Number which satisfy condition : 4