เพื่อให้เข้าใจว่าเรากำลังใช้ข้อมูลจากตารางต่อไปนี้ -
mysql> Select * from customers; +-------------+----------+ | Customer_Id | Name | +-------------+----------+ | 1 | Rahul | | 2 | Yashpal | | 3 | Gaurav | | 4 | Virender | +-------------+----------+ 4 rows in set (0.00 sec) mysql> Select * from reserve; +------+------------+ | ID | Day | +------+------------+ | 1 | 2017-12-30 | | 2 | 2017-12-28 | | 2 | 2017-12-25 | | 1 | 2017-12-24 | | 3 | 2017-12-26 | +------+------------+ 5 rows in set (0.00 sec)
ต่อไปนี้เป็นแบบสอบถามย่อยที่จะค้นหาชื่อของลูกค้าทั้งหมดที่จองรถไว้
mysql> Select Name from customers WHERE customer_id IN (Select id from reserve); +----------+ | Name | +----------+ | Rahul | | Yashpal | | Gaurav | +----------+ 3 rows in set (0.00 sec)
ตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือของขั้นตอนต่อไปนี้ เราสามารถแปลงแบบสอบถามย่อยด้านบนเป็นการเข้าร่วมภายใน -
-
ย้ายตาราง 'สำรอง' ที่มีชื่ออยู่ในข้อความค้นหาย่อยไปยังส่วนคำสั่ง FROM
-
ส่วนคำสั่ง WHERE จะเปรียบเทียบคอลัมน์ customer_id กับรหัสที่ส่งคืนจากเคียวรีย่อย
ด้วยเหตุนี้จึงแปลงนิพจน์เป็นการเปรียบเทียบโดยตรงอย่างชัดเจนระหว่างคอลัมน์รหัสของสองตาราง
mysql> SELECT Name from customers, reserve WHERE customer_id = id; +----------+ | Name | +----------+ | Rahul | | Yashpal | | Yashpal | | Rahul | | Gaurav | +----------+ 5 rows in set (0.00 sec)
ดังที่เราเห็นได้ว่าผลลัพธ์ด้านบนไม่เหมือนกับผลลัพธ์ของ subquery ทุกประการ ดังนั้นให้ใช้คีย์เวิร์ด DISTINCT เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกันดังนี้:
mysql> SELECT DISTINCT name from customers,reserve WHERE customer_id = id; +----------+ | Name | +----------+ | Rahul | | Yashpal | | Gaurav | +----------+ 3 rows in set (0.03 sec)