ในการคำนวณผลต่างที่ไม่ต่อเนื่องลำดับที่ n ให้ใช้วิธีการ numpy.diff() ความแตกต่างแรกจะได้รับโดย out[i] =a[i+1] - a[i] ตามแกนที่กำหนด ความแตกต่างที่สูงขึ้นจะคำนวณโดยใช้ diff แบบเรียกซ้ำ วิธีการ diff() จะคืนค่าความแตกต่างที่ n รูปร่างของผลลัพธ์จะเหมือนกับ a ยกเว้นตามแกนที่มิติมีขนาดเล็กลงโดย n ชนิดของผลลัพธ์จะเหมือนกับชนิดของความแตกต่างระหว่างสององค์ประกอบของ a ซึ่งจะเหมือนกับชนิดของ a ในกรณีส่วนใหญ่ ข้อยกเว้นที่น่าสังเกตคือ datetime64 ซึ่งส่งผลให้อาร์เรย์เอาท์พุต timedelta64
พารามิเตอร์ที่ 1 คืออาร์เรย์อินพุต พารามิเตอร์ตัวที่ 2 คือ n นั่นคือจำนวนครั้งที่ค่าต่างกัน หากเป็นศูนย์ อินพุตจะถูกส่งกลับตามที่เป็นอยู่ พารามิเตอร์ตัวที่ 3 คือแกนซึ่งนำความต่างออกไป ค่าเริ่มต้นคือแกนสุดท้าย พารามิเตอร์ที่ 4 คือค่าที่จะเติมหรือต่อท้ายอาร์เรย์อินพุตตามแนวแกนก่อนที่จะดำเนินการแตกต่าง ค่าสเกลาร์จะขยายไปยังอาร์เรย์ที่มีความยาว 1 ในทิศทางของแกน และรูปร่างของอาร์เรย์อินพุตจะขยายไปตามแกนอื่นๆ ทั้งหมด
ขั้นตอน
ขั้นแรก นำเข้าไลบรารีที่จำเป็น -
import numpy as np
การสร้างอาร์เรย์ numpy โดยใช้เมธอด array() เราได้เพิ่มองค์ประกอบประเภท int ด้วย nan -
arr = np.array([10, 15, 30, 65, 80, 87, np.nan])
แสดงอาร์เรย์ -
print("Our Array...\n",arr)
ตรวจสอบขนาด -
print("\nDimensions of our Array...\n",arr.ndim)
รับประเภทข้อมูล -
print("\nDatatype of our Array object...\n",arr.dtype)
ในการคำนวณผลต่างที่ไม่ต่อเนื่องลำดับที่ n ให้ใช้วิธีการ numpy.diff() ความแตกต่างแรกถูกกำหนดโดย [i] =a[i+1] - a[i] ตามแกนที่กำหนด ความแตกต่างที่สูงขึ้นคำนวณโดยใช้ diff แบบเรียกซ้ำ -
print("\nDiscrete difference..\n",np.diff(arr))
ตัวอย่าง
import numpy as np # Creating a numpy array using the array() method # We have added elements of int type with nan arr = np.array([10, 15, 30, 65, 80, 87, np.nan]) # Display the array print("Our Array...\n",arr) # Check the Dimensions print("\nDimensions of our Array...\n",arr.ndim) # Get the Datatype print("\nDatatype of our Array object...\n",arr.dtype) # To calculate the n-th discrete difference, use the numpy.diff() method # The first difference is given by out[i] = a[i+1] - a[i] along the given axis, higher differences are calculated by using diff recursively. print("\nDiscrete difference..\n",np.diff(arr))
ผลลัพธ์
Our Array... [10. 15. 30. 65. 80. 87. nan] Dimensions of our Array... 1 Datatype of our Array object... float64 Discrete difference.. [ 5. 15. 35. 15. 7. nan]