สมมติว่าเรามีอาร์เรย์ของตัวเลขที่เรียกว่า nums เราต้องตรวจสอบว่ามีค่าที่ต่อเนื่องกันหรือไม่
ดังนั้น หากอินพุตมีค่าเท่ากับ nums =[6, 8, 3, 5, 4, 7] ผลลัพธ์จะเป็นจริงเนื่องจากองค์ประกอบคือ 3, 4, 5, 6, 7, 8
เพื่อแก้ปัญหานี้ เราจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ -
- ถ้าขนาดของ nums <1 แล้ว
- คืนค่าเท็จ
- min_val :=ต่ำสุดของ nums, max_val :=สูงสุดของ nums
- ถ้า (max_val - min_val + 1) เท่ากับขนาดของ nums แล้ว
- สำหรับ i ในช่วง 0 ถึงขนาดของ nums ให้ทำ
- ถ้า nums[i] <0 แล้ว
- j:=-nums[i] - min_val
- มิฉะนั้น
- j :=nums[i] - min_val
- ถ้า nums[j]> 0 แล้ว
- nums[j] :=-nums[j]
- มิฉะนั้น
- คืนค่าเท็จ
- ถ้า nums[i] <0 แล้ว
- คืนค่า True
- สำหรับ i ในช่วง 0 ถึงขนาดของ nums ให้ทำ
- คืนค่าเท็จ
ให้เราดูการใช้งานต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น -
ตัวอย่าง
def solve(nums): if len(nums) < 1: return False min_val = min(nums) max_val = max(nums) if max_val - min_val + 1 == len(nums): for i in range(len(nums)): if nums[i] < 0: j = -nums[i] - min_val else: j = nums[i] - min_val if nums[j] > 0: nums[j] = -nums[j] else: return False return True return False nums = [6, 8, 3, 5, 4, 7] print(solve(nums))
อินพุต
[6, 8, 3, 5, 4, 7]
ผลลัพธ์
True