ฟังก์ชัน iscntrl() ใน C++ จะตรวจสอบว่าอักขระเป็นอักขระควบคุมหรือไม่ ฟังก์ชันนี้กำหนดเป็น ctype.h.
ไวยากรณ์สำหรับฟังก์ชัน iscntrl() ถูกกำหนดดังนี้ −
int iscntrl ( int ch );
ในที่นี้ ch คืออักขระที่ต้องตรวจสอบ
โปรแกรมที่แสดงฟังก์ชัน iscntrl() โดยการนับจำนวนอักขระควบคุมในสตริงจะได้รับดังนี้ -
ตัวอย่าง
#include <iostream> #include <ctype.h> using namespace std; int main() { char str[] = "Coding\tis\tfun\n"; int i, count = 0; for(i=0; str[i]!='\0';i++) { if(iscntrl(str[i])) count++; } cout<<"Number of control characters in the string are "<<count; return 0; }
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ของโปรแกรมข้างต้นเป็นดังนี้ −
Number of control characters in the string are 3
ในโปรแกรมข้างต้น ขั้นแรกให้กำหนดสตริง จากนั้นใช้ for loop เพื่อตรวจสอบอักขระแต่ละตัวในสตริงเพื่อดูว่าเป็นอักขระควบคุมหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น การนับจะเพิ่มขึ้น 1 ในที่สุด ค่าของการนับจะปรากฏขึ้น ซึ่งแสดงอยู่ในตัวอย่างโค้ดต่อไปนี้ −
char str[] = "Coding\tis\tfun\n"; int i, count = 0; for(i=0; str[i]!='\0';i++) { if(iscntrl(str[i])) count++; } cout<<"Number of control characters in the string are "<<count;
นี่เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งที่แสดงฟังก์ชัน iscntrl() ระบุว่าอักขระที่กำหนดเป็นอักขระควบคุมหรือไม่ โปรแกรมจะได้รับดังนี้ −
ตัวอย่าง
#include <iostream> #include <ctype.h> using namespace std; int main() { char ch1 = 'A'; char ch2 = '\n'; if(iscntrl(ch1)) cout<<"ch1 is a control character"<<endl; else cout<<"ch1 is not a control character"<<endl; if(iscntrl(ch2)) cout<<"ch2 is a control character"<<endl; else cout<<"ch2 is not a control character"<<endl; return 0; }
ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ของโปรแกรมข้างต้นเป็นดังนี้ −
ch1 is not a control character ch2 is a control character
ในโปรแกรมข้างต้น มีการกำหนด ch1 และ ch2 จากนั้นใช้ iscntrl() เพื่อตรวจสอบว่าเป็นอักขระควบคุมหรือไม่ ข้อมูลโค้ดสำหรับสิ่งนี้จะได้รับดังนี้ −
char ch1 = 'A'; char ch2 = '\n'; if(iscntrl(ch1)) cout<<"ch1 is a control character"<<endl; else cout<<"ch1 is not a control character"<<endl; if(iscntrl(ch2)) cout<<"ch2 is a control character"<<endl; else cout<<"ch2 is not a control character"<<endl;