หน้าแรก
หน้าแรก
คุณสามารถใช้ different() เพื่อส่งคืนเฉพาะค่าที่ไม่ซ้ำ ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.distinct("yourFieldName"); เพื่อให้เข้าใจแนวคิด ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.returnOnlyUniqueValuesDemo.insertOne({"CusomerNa
คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการ $nin สำหรับสิ่งนี้ เพื่อให้เข้าใจแนวคิด ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.documentWithAParticularFieldValueDemo.insertOne( ... { ... ... "StudentId" :
หากต้องการให้ $addToSet ตรงกันข้ามกับ $removeFromSet ให้ใช้ตัวดำเนินการ $pull ให้เราสร้างคอลเลกชันด้วยเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.oppositeAddToSetDemo.insertOne({"StudentName":"John","StudentHobby":["Cricket","Cooking
ในการรับค่ารวมของคีย์ในเอกสารทั้งหมดในคอลเล็กชัน MongoDB คุณสามารถใช้ aggregate() เพื่อให้เข้าใจแนวคิดข้างต้น ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.sumOfValueDemo.insertOne({"Name":"Larry","Amount":14.50}); {  
หากต้องการลบระเบียนทั้งหมดของคอลเล็กชันในเชลล์ MongoDB ให้ใช้เมธอด remove() ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.remove({}); เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.deleteAllRecordsDemo.insertOne({"StudentName":&
ในการแสดงรายการผู้ใช้ทั้งหมดในเชลล์ Mongo ให้ใช้เมธอด getUsers() หรือคำสั่ง show กรณีที่ 1 − การใช้ getUsers() ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.getUsers(); กรณีที่ 2 − การใช้คำสั่งแสดง ไวยากรณ์มีดังนี้ − show users; ให้เราปรับใช้ทั้งสองรูปแบบเพื่อแสดงรายการผู้ใช้ทั้งหมดใน Mongo เชลล์ กรณีที่ 1 − แบบสอบถา
เพื่อแสดงดัชนีของคอลเลกชัน คุณสามารถใช้ getIndexes() ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.getIndexes(); เพื่อให้เข้าใจแนวคิด ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.indexDemo.insertOne({"StudentName":"Larry","StudentA
คุณสามารถตรวจสอบจำนวนการเชื่อมต่อกับ MongoDB ได้โดยใช้รูปแบบต่อไปนี้ - var anyVariableName= db.serverStatus(); yourVariableName.connections; ไวยากรณ์ที่สองมีดังนี้ − db.serverStatus().connections; เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ทั้งสองข้างต้น ให้เราดูทีละตัว − กรณีที่ 1 − แบบสอบถามแรกมีดังนี้ − > var c
หากต้องการรวมผลรวมใน MongoDB เพื่อรับจำนวนรวม คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการ $sum เพื่อให้เข้าใจแนวคิดข้างต้น ให้เราสร้างคอลเลกชันด้วยเอกสาร - > db.aggregateSumDemo.insertOne({"CustomerName":"Larry","Amount":140}); { "acknowledged" : true, &nb
หากต้องการเปลี่ยนชื่อคอลเล็กชันใน MongoDB คุณสามารถใช้เมธอด renameCollection() ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourOldCollectionName.renameCollection('yourNewCollectionName'); เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ข้างต้น ให้เราแสดงรายการคอลเลกชันทั้งหมดจากตัวอย่างฐานข้อมูล แบบสอบถามมีดังต่อไปนี้ − > use sample;
เพื่อให้ได้องค์ประกอบที่มี max id คุณสามารถใช้ find() วิธีการ เพื่อให้เข้าใจแนวคิดข้างต้น ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามมีดังนี้ − > db.getElementWithMaxIdDemo.insertOne({"Name":"John","Age":21}); { "acknowledged" : true, &
ในการโคลนคอลเลกชันใน MongoDB คุณสามารถใช้เมธอด forEach() ให้เราสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารก่อน แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.studentInformation.insertOne({"StudentName":"Chris"}); { "acknowledged" : true, "insert
หากต้องการเขียนบนคอนโซล คุณต้องใช้วิธี print() ไวยากรณ์มีดังนี้ − print(“yourString”); ในการแสดงวัตถุ คุณสามารถใช้ printjson() ไวยากรณ์มีดังนี้ − printjson(yourObjectName); ให้เราใช้ทั้งสองฟังก์ชั่น แบบสอบถามแรกมีดังต่อไปนี้เพื่อแสดงบางสิ่ง − > print("Welcome to MongoDB Console
คุณสามารถจำกัดการค้นหาตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ใน MongoDB ได้ด้วยความช่วยเหลือของ $regex ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.find({"yourFieldName" : { '$regex':'^yourValue$'}}); คุณสามารถใช้ regex อื่น ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.find({"Name"
คุณสามารถใช้ตัวดำเนินการ $set สำหรับสิ่งนี้ ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.update({ }, {'$set': "yourFieldName": "yourValue" }, false, true); เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ข้างต้น ให้เราสร้างคอลเลกชันด้วยเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - > db.
คุณสามารถใช้sureIndex() เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเมธอด count() ใน MongoDB เพื่อให้เข้าใจแนวคิด ให้เราสร้างคอลเลกชันพร้อมกับเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดังนี้ - db.countPerformanceDemo.insertOne({StudentName:David,StudentCountryName:US});{ acknowledged :true, insertedId :ObjectId(
คุณสามารถส่งคืนฟิลด์เฉพาะจาก collection.find() โดยใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้ กรณีที่ 1 − ไวยากรณ์มีดังนี้ − db.yourCollectionName.find({},{"yourFieldName":1}).pretty(); ชื่อฟิลด์ด้านบนถูกตั้งค่าเป็น 1 หมายความว่าจะส่งคืนเฉพาะฟิลด์นั้น หากคุณตั้งค่าเป็น 0 จะคืนค่าฟิลด์ทั้งหมดยกเว้นฟิลด์ที่ตั้งค่
ให้เราแก้ไขสองกรณี - กรณีที่ 1 − ไวยากรณ์จะเป็นดังนี้เมื่อฟิลด์มีอยู่และตั้งค่าเป็น null db.yourCollectionName.count({yourFieldName: null}); กรณีที่ 1 − ไวยากรณ์จะเป็นดังนี้เมื่อฟิลด์ไม่มีอยู่และไม่ได้ตั้งค่า db.yourCollectionName.count({yourFieldName: {$exists: false}}); เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ทั
คุณสามารถลบองค์ประกอบอาร์เรย์ด้วยดัชนีโดยใช้สองขั้นตอนต่อไปนี้ - ขั้นตอนแรกมีดังนี้ − db.yourCollectionName.update({}, {$unset : {"yourArrayFieldName.yourIndexValue" : 1 }}); ไวยากรณ์ด้านบนจะใส่ค่า null ที่ตำแหน่งของ yourIndexValue หลังจากนั้น คุณต้องดึงค่า null จาก array ที่ file ส่งมาเ
หากต้องการสอบถามเงื่อนไขในการเปรียบเทียบ 2 ฟิลด์ ให้ใช้ไวยากรณ์ต่อไปนี้ - db.yourCollectionName.find( { $where: function() { return this.yourFirstFieldName < this.yourSecondFieldName } } ).pretty(); เพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์ ให้เราสร้างคอลเลกชันด้วยเอกสาร แบบสอบถามเพื่อสร้างคอลเลกชันที่มีเอกสารมีดั