ปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress เป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ของ WordPress ที่จำเป็น
นั่นเป็นเหตุผลที่เราเขียนบทความนี้ ในบทความนี้ คุณจะได้รับ:
- ปลั๊กอินความปลอดภัยที่ทรงพลังที่สุดที่ให้การปกป้องอย่างแท้จริง
- ปลั๊กอินความปลอดภัยที่เป็นมิตรกับกระเป๋ามากที่สุดสำหรับ WordPress
- ปลั๊กอินความปลอดภัย WP ฟรีที่ดีที่สุด
- คำกล่าวที่มีเกียรติบางส่วนที่ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง
- ปลั๊กอินยอดนิยมบางตัวที่ไม่คุ้มค่า
ในตอนนี้ เราขอแนะนำให้คุณดำน้ำลงไป แล้วพบกันที่ฝั่งตรงข้าม
TL;DR: หากคุณกำลังมองหาปลั๊กอินการรักษาความปลอดภัยของ WordPress ที่ครอบคลุมทุกฐาน เราขอแนะนำให้คุณใช้ปลั๊กอินแบบชำระเงินพร้อมฟีเจอร์ที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการตรวจจับมัลแวร์ การกำจัดมัลแวร์ การแข็งตัวของ WordPress การป้องกันการเข้าสู่ระบบ และบันทึกการรับส่งข้อมูล
ปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ทรงพลังที่สุด:ชุดความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
#1. MalCare – ชุดความปลอดภัย WordPress ที่สมบูรณ์
MalCare เป็นหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ครอบคลุมอย่างไม่ต้องสงสัยซึ่งเงินสามารถซื้อได้
วิธีการทำงานของ MalCare เป็นการปฏิวัติโดยสิ้นเชิง
ด้วย MalCare คุณจะได้รับการสแกนระดับเซิร์ฟเวอร์ในเชิงลึกโดยไม่ต้องโหลดเซิร์ฟเวอร์หรือเสี่ยงต่อเว็บไซต์ของคุณเลย
MalCare จะคัดลอกเว็บไซต์ของคุณทั้งหมดไปยังเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง ด้วยวิธีนี้ มันสามารถเรียกใช้อัลกอริธึมการตรวจจับมัลแวร์ที่ซับซ้อนซึ่งทำได้เหนือกว่าเครื่องสแกนอื่นๆ ทั้งหมดในตลาด
เนื่องจากเครื่องสแกนมัลแวร์อื่นๆ นั้นขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์ของคุณเพื่อเรียกใช้อัลกอริทึม พวกเขาทั้งหมดจึงทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากสองสิ่งต่อไปนี้:
- พวกเขาทำงานไม่ดีในการค้นหาสาเหตุของการติดเชื้อ
- หรือรายงานผลบวกลวงหลายร้อยรายการในแต่ละสัปดาห์
ด้วย MalCare คุณจะได้รับเครื่องสแกนที่ไม่ให้เกิดผลบวกที่ผิดพลาดและเข้าถึงรากของการติดมัลแวร์เสมอ แม้ว่าจะเป็นมัลแวร์ที่ไม่รู้จักก็ตาม
จากนั้นระบบจะส่งสัญญาณเตือนสำหรับคุณ และในเวลาไม่กี่วินาที คุณจะสามารถลบมัลแวร์ออกจากเว็บไซต์ของคุณอย่างถาวรได้ด้วยการคลิกปุ่มในแดชบอร์ด MalCare สามารถล้างมัลแวร์ได้ 99.9% โดยอัตโนมัติโดยใช้ MalCare
ทั้งหมดนี้โดยไม่มีความเสียหายใดๆ ต่อเว็บไซต์ของคุณ เคย.
คุณลักษณะที่ทำให้ MalCare คุ้มค่ากับรายการนี้:
- เครื่องสแกนมัลแวร์ WordPress ที่สมบูรณ์
- ลบสคริปต์ที่เป็นอันตรายทันที
- ไฟร์วอลล์เว็บแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพและการป้องกันการเข้าสู่ระบบ
- มาตรการเสริมความแข็งแกร่งของเว็บไซต์อย่างง่าย
- แดชบอร์ดเดียวสำหรับการจัดการหลายเว็บไซต์
- การทำงานร่วมกันเป็นทีมและการจัดการ
- โซลูชันการติดฉลากสีขาว
- การรายงานที่กำหนดเองและตามกำหนดเวลา
- การตรวจสอบเวลาทำงานและประสิทธิภาพ
- ระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลแบบบูรณาการ
- แดชบอร์ดเดียวที่ครอบคลุมของ MalCare
ส่วนที่ดีที่สุด? MalCare ทำงานบนอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง
นั่นหมายความว่ามันเติบโตอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นเมื่อปกป้องไซต์จากมัลแวร์มากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน MalCare ปกป้องเว็บไซต์ WordPress กว่า 250,000+ เว็บไซต์จากแฮกเกอร์ทุกวัน อย่างที่คุณจินตนาการได้ มันฉลาดมากแล้วและเติบโตแข็งแกร่งขึ้นด้วยการเพิ่มเครือข่ายใหม่แต่ละครั้ง
คุณสามารถติดตั้ง MalCare ได้ฟรีและสแกนหามัลแวร์ในเว็บไซต์ของคุณ เวอร์ชันพรีเมียมนี้รวมเอามัลแวร์ออกทันทีและฟีเจอร์อื่นๆ มากมาย
ราคา: Freemium พร้อมแผนชำระเงินเริ่มต้นที่ $99/ปี
ใช้งานง่าย: MalCare นำเสนอแดชบอร์ดที่ชาญฉลาดและใช้งานง่ายที่สุดตัวหนึ่ง การตั้งค่าทั้งหมดสร้างขึ้นตามปรัชญาของ WordPress ในเรื่องความเรียบง่ายและใช้งานง่ายสำหรับทุกคน ที่สำคัญที่สุด แดชบอร์ดได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับคุณสมบัติใหม่และมาตรฐาน UX ใหม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ UI และ UX นั้นเรียบง่าย สะอาดตา และเรียบง่าย
ประเภทการล้างข้อมูล: อัตโนมัติ
คำตัดสินสุดท้าย: ขอแนะนำอย่างยิ่ง
#2. เจ็ทแพ็ค
Jetpack ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ชั้นนำเท่านั้น เป็นชุดคำสั่งผสมของเกือบทุกคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการทำงานของ WordPress มาพร้อมกับบริการสำรองข้อมูล WordPress ที่มีการจัดการ คุณลักษณะด้านความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมาย
เหตุผลหลักที่หลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับ Jetpack ก็คือมันถูกสร้างขึ้นโดย Automattic ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่สร้าง WordPress ตอนนี้ ทุกการติดตั้ง WordPress มาพร้อมกับการติดตั้ง Jetpack!
ค่อนข้างก้าวร้าวเล็กน้อยในแง่ของการจัดวางผลิตภัณฑ์ แต่เราเข้าใจ ธุรกิจคือธุรกิจ
โมดูล Protect ใน Jetpack นั้นฟรีและสามารถบล็อกกิจกรรมที่น่าสงสัยไม่ให้เกิดขึ้นได้ เวอร์ชันฟรีของ Jetpack ยังรวมการป้องกันการโจมตีแบบเดรัจฉานและการอนุญาตพิเศษด้วย
แต่อย่างที่คาดไว้ Jetpack รุ่นที่จำหน่ายได้แล้วนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย คุณสามารถรับการสแกนมัลแวร์ สำรองข้อมูลเว็บไซต์ตามกำหนดเวลา และกู้คืนเว็บไซต์จากข้อมูลสำรองได้ในราคา $99 ต่อปี หากคุณต้องการเพิ่มเดิมพัน แผน $299 ต่อปีจะให้การสแกนมัลแวร์ตามต้องการและการสำรองข้อมูลแบบเรียลไทม์
คุณสมบัติที่ทำให้ Jetpack คุ้มค่ากับรายการนี้:
- เวอร์ชันฟรีของ Jetpack นั้นดีพอที่จะปกป้องเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่ถูกแฮ็ก
- แผนระดับพรีเมียมให้ประโยชน์มากมาย เช่น การสำรองข้อมูล การป้องกันสแปม และการสแกนและลบความปลอดภัย ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
- อัปเดตปลั๊กอินทั้งหมดผ่าน Jetpack เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ของปลั๊กอินที่แฮ็กเกอร์สามารถใช้ประโยชน์ได้
- คุณสามารถตรวจสอบการหยุดทำงานของไซต์ได้เช่นกัน
เป็นโบนัส Jetpack ยังมีคุณสมบัติสำหรับการตลาดผ่านอีเมล โซเชียลมีเดีย การปรับแต่งไซต์ และการเพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับเจ้าของไซต์ใหม่ มันคือคอมโบในฝัน ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือไม่ใช่โซลูชันเฉพาะ และคุณต้องรอเพื่อลบมัลแวร์ด้วยตนเอง ในกรณีของการติดไวรัส
ราคา: Freemium พร้อมแผนชำระเงินเริ่มต้นที่ $99/ปี
ใช้งานง่าย: Jetpack ค่อนข้างตรงไปตรงมา สร้างขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้นและถือว่าไม่มีความรู้เรื่องการเข้ารหัส หรือแม้แต่ WordPress ในการจัดการ UX นั้นถูกวางแผนมาอย่างดีเช่นกัน
ประเภทการล้างข้อมูล: คู่มือ
คำตัดสินสุดท้าย: เวอร์ชันฟรีขอแนะนำอย่างยิ่ง เวอร์ชันพรีเมียมได้รับการแนะนำตามเงื่อนไข
#3. ความปลอดภัยของ Wordfence
Wordfence Security เป็นหนึ่งในปลั๊กอินความปลอดภัย WordPress ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และด้วยเหตุผลที่ดี เวอร์ชัน freemium นำเสนอเครื่องมือป้องกันที่ค่อนข้างทรงพลัง เช่น คุณลักษณะการรักษาความปลอดภัยการเข้าสู่ระบบที่แข็งแกร่ง และเครื่องมือการกู้คืนเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย
ด้วยคุณสมบัติเช่นการป้องกันกำลังเดรัจฉานและไฟร์วอลล์ WordPress มันสามารถให้การป้องกันการโจมตีได้ดีพอสมควร รุ่นที่ต้องชำระเงินนั้นน่าประทับใจกว่ารุ่นฟรีมากเพราะมาพร้อมกับเครื่องสแกนมัลแวร์บนเซิร์ฟเวอร์ที่ลึกมาก
นี่คือสิ่งที่ Wordfence ไม่ได้กล่าวถึงล่วงหน้า:
- พวกเขาคิดค่าบริการต่อการทำความสะอาด; แม้กระทั่งการแฮ็กซ้ำ
- เนื่องจาก Wordfence เสนอการล้างข้อมูลด้วยตนเอง จึงมีการกำหนดราคาที่เพิ่มขึ้นสำหรับการล้าง
- Both free and premium versions flag false positives all the time
Let’s contextualize:
This means that Wordfence will flood your WordPress dashboard with alarms. You will then have to try and understand whether or not those alarms are serious security threats and breaches. Then, you’ll have to wait for days while their security engineers clean your site.
Oh, and if they’re in high demand, you have to fork over a boatload of cash to keep your site safe.
That said, Wordfence is still one of the most popular WordPress security plugins and does a fairly good job of protecting your site.
Features That Make WordFence Security Worthy of this List:
- If you have a small, static website with very little traffic and no online sales, then the free version is good enough for you.
- You can save a lot of money on licensing fees if you buy multiple site licenses.
- Wordfence has a full firewall suite that other WP security plugins simply don’t, and it includes features such as country blocking, manual blocking, brute force protection, real-time threat defense, and a Web Application Firewall.
- The malware scanner detects malware, real-time threats, and spam. It scans all your files for malware, not just WordPress files because it has a server-based scanner.
- Wordfence traffic insights can separate Google crawl activity, logins and logouts, human visitors, and bots for better insights on your site traffic.
- You can sign in with your mobile phone as a form of WordPress two-factor authentication.
- While most people use the Akismet Spam Protection plugin that comes with almost every WordPress installation, Wordfence has its own comment spam filter as well. This means that you won’t have to use multiple plugins for spam protection.
One of the most unique features of Wordfence is that it can keep track of the WordPress plugins that you are using on your website. If your plugins are no longer being updated, have been removed from the repository, or if they have known hacks, then Wordfence raises an alarm.
Price: Freemium with Premium Plans starting at $99/year + Base cleanup price of $179/cleanup
Ease of Use: The interface can be seriously complicated for a novice user. It crams in all the features, and it becomes tricky to keep track of everything right from the get-go. However, once you get the hang of it, the only problem that you may have is requesting a cleanup. For a company that makes most of its money through paid malware removal, it sure is difficult to find that option on the dashboard!
Cleanup Type: Manual
สำคัญ: Wordfence can significantly slow down your website. Wordfence creates its own tables in your database which store the entire scan history. It also records all actions taken. Over time, this database will grow to a considerable size, and reach the point where it adds to site bloat.
Every time Wordfence runs a new scan, it loads the old database as well. Add this to the overzealous scanner that keeps flagging false positives, and you have a real bandwidth issue on your hands.
Wordfence also acts on a server level. While this means that you get more powerful features, it also means that Wordfence will use your server resources to operate.
In conclusion, Wordfence is a solution that will hog your server resources and slow down your website as time goes by.
Final Verdict: FREE VERSION RECOMMENDED CONDITIONALLY, PRO VERSION IS TOO EXPENSIVE
#4. Security Ninja
Security Ninja is among the OG WordPress security plugins. It’s been around for over 7 years now and it has some of the most comprehensive features ever. Security Ninja started out as one of the first plugins on CodeCanyon.
Now, it’s got a freemium model and has 50+ security checks built into the malware scanner, including file integrity checks, MySQL permissions, and PHP settings.
The plugin also does a brute-force check to suss out weak passwords like ‘password’ and ‘1234’ – passwords like that are not helping anyone.
The best part is that it has both automatic and manual patches for its users. If you want a one-click solution, you can have that. Or, if you understand code, you can get the patch and manually fix the website yourself.
Features That Make Security Ninja Worthy of This List:
- The free version comes with 50+ security tests that can thoroughly assess your security status.
- You can fix security issues instantly with one click.
- It comes with a dedicated file integrity checker. While this method has its problems, it’s still a fairly common way to root out simple malware.
- The plugin automatically blocks a long list of known malicious IP addresses.
- Logs all user and login activity on your WordPress site.
- It comes with regular scanning capabilities.
Price: Freemium with paid plans starting from $39.99/year
Ease of Use: Unlike all the other plugins on this list, Security Ninja actually makes the user work for the fix. This does not necessarily make it more difficult to use. It only adds a layer of awareness and education about security for the user. For the most part, it’s easy to use.
Cleanup Type: Automated, but with limitations
Final Verdict: NOT FULLY RECOMMENDED
#5. SecuPress
SecuPress is new to the scene, but it’s stacking much green. The plugin comes from the same house as WP Rocket and Imagify, and lives up to its reputation.
SecuPress has a great UI and easy to use interface. The free version of the plugin offers anti-brute force login, IP blacklisting, and a firewall. You can also change your WordPress security keys from the plugin itself.
The premium version includes features such as security alerts and notifications, two-factor authentication, GeoIP blocking, PHP malware scans, and PDF reports.
Features That Make SecuPress Worthy of This List:
- The UI in SecuPress is third only to MalCare and Jetpack in terms of the sheer ease of use.
- The premium version gives you one of the few WordPress security plugins ideally suited for defense.
- You can change the URL for your WordPress login page so that bots can’t brute force it.
- Includes a decent malware scanner.
Price: Freemium, with paid plans starting from $59/year for a single-site license.
Ease of Use: SecuPress is very simple to set up and use. The way it is built makes it a much cheaper substitute for Jetpack. Of course, Jetpack has way more features overall, but if you want to find focused WP security plugin, then this is a safer bet.
Cleanup Type: Manual
Final Verdict: RECOMMENDED FOR SMALL BUSINESSES (NOT WOOCOMMERCE SITES)
#6 Sucuri SiteCheck and Premium
Sucuri has both free and premium versions:Sucuri SiteCheck, which is the free version, is a web-based scanner. Malware removal is not included in this version.
To be candid, Sucuri SiteCheck is absolutely useless in most cases, because it can only find malware that manifests itself in the HTML of the website. More importantly, it fails to pinpoint the origin of the malware because it has no access to the server.
The premium version comes with a server-based scanner that includes:
- File integrity monitoring;
- Blacklist monitoring;
- Security notifications;
- And security hardening.
The premium plans open up customer service channels and more frequent scans. The funny part is that Sucuri does not charge for malware removal, but charges for scanning your website instead. You get a fixed frequency of malware scanning with a package.
Now, let’s put this into perspective.
Sucuri Premium relies on manual malware removals which can take days if not weeks. During that time, the hacker can keep on wreaking havoc on your website. And you keep losing your traffic, revenue and brand value during that time.
In fact, you could get slapped with a Google blacklist and lose 95% of your organic traffic overnight!
Features That Make Sucuri Premium Worthy of This List:
- It offers multiple variations of SSL certificates. You do have to pay for them, but they’re available as part of the packages.
- Customer service is available in the form of instant chat and email.
- You receive notifications when something is wrong with your website.
- Advanced DDoS protection is available through some plans.
Even if you don’t want to pay any money, you will still receive valuable tools for blacklist monitoring, malware scanning, file integrity monitoring, and security hardening.
Price: Freemium with Premium Plans starting at $199/year
Ease of Use: It is very easy to use the free plugin. The prompts are simple to follow and you can find most of the features easily enough.
Cleanup Type: Manual
สำคัญ: Our engineers tested Sucuri SiteCheck (free) and the premium plugin against some common malware. We were pretty shocked to see that most of them did not even register as malware by the server scanner in the premium version.
Final Verdict: NOT RECOMMENDED
Ranking Parameters for WordPress Security Plugins
If you got all the way here to read about the ranking parameters for the WordPress security plugins listed above, then:
- You are either looking to understand why some of the features are important;
- Or you are confused if the one you like really is the right fit for you.
Either way, this section will clear that up for you.
Factors to Consider When Choosing WP Security Plugin
There are nine things to consider in general when choosing WordPress security plugin.
Here we go:
1. Detecting Malware in Both Files &Database
A good security plugin will scan every file and database to ensure it’s not missing any hidden malware.
When security plugins were first developed, they were designed to look into particular files and databases for malware. But nowadays, hackers have way more skill. They find ways to place malware anywhere on your website.
Some WordPress security plugins still rely on outdated methods of scanning. This way they end up missing malware hidden in uncommon locations (like the WP-VCD malware).
2. Scanning Without Using Your Site Resources
Your website needs resources to run its daily activities. A security scan will be a resource-heavy process. Your resources are being split and this can affect your website severely.
Scanning every WordPress directory can really hog server resources.
During the scanning process, your website will become extremely slow. The solution is to choose plugins that don’t run scans using your web server’s resources. Find a plugin that uses its own server.
3. Instant Malware Removal
If a hacker exploits your WordPress vulnerabilities you risk losing traffic and paying customers. And further, your website can be blacklisted by Google or suspended by your hosting provider.
Many WordPress security plugins require you to contact their support team to fix the hack. It can take from a few hours up to a few days to clean an infected website.
You need a plugin that cleans your website instantly.
4. Unlimited Cleanups
A website can be targeted and hacked more than once. Most average security plugins offer an expensive one-time cleanup service.
Theme and plugin vulnerabilities in WordPress are really common. In fact, the WordPress security that you opt for needs to be up for a stiff battle against malicious code.
So, it’s better to opt for one that gives you unlimited malware removal.
5. Firewall Protection to Block Malicious Traffic
If you own a website, you know that the more traffic you get, the better. Your website will begin ranking for relevant keywords, sales will increase, and your revenue will shoot up.
While traffic is great, not all kinds of traffic is good. Some traffic has malicious intent and wants to hack your website. Fortunately, you can track such traffic with a firewall plugin.
Everyone who is visiting your website is using a device like a laptop or a smartphone. Each device is linked with a unique code called an IP address. A web application firewall is able to track these IP addresses.
A firewall rule can identify an IP address that has carried out malicious activities before. It then flags it as bad traffic and prevents it from accessing your website.
But what happens if you don’t use firewalls?
Simple – you can get blacklisted by Search Engines such as Google.
There are many WordPress security solutions that have in-built firewalls. But to protect yourself against security vulnerabilities, you need a tool for blacklist monitoring as well. We recommend finding a plugin that takes care of this for you.
6. Login Page Protection
The WordPress login page is often targeted more than any other page of the website. The login page gives direct access to the WordPress user account. So, login protection is a critical component of security plugin for WordPress.
Hackers program bots to guess the username and password to break into the website by using more than one login attempt. นี่เรียกว่าการโจมตีด้วยกำลังเดรัจฉาน
Combating this type of attack is possible by limiting the number of failed login attempts. Choose brute force protection that enables you to limit the number of failed login attempts.
7. Website Hardening Measures
Besides using a firewall and protecting the login page, you can take more steps to protect your website against hack attacks.
In fact, WordPress recommends certain site security hardening measures like preventing PHP execution, disabling theme editor, etc.
But implementing security hardening measures for people without any technical knowledge is difficult. An ideal security plugin should enable you to implement these measures with the click of a button.
8. Single Dashboard for Managing Multiple Sites
Managing multiple websites can be really exhausting. A centralized dashboard will enable you to carry out multiple tasks from one place.
Choose a plugin that enables you to carry out multiple tasks and also manage multiple websites from a single dashboard.
9. Excellent Customer Support
No matter how good a security plugin is, there are going to times when you need assistance. Ensure that the plugin you choose has an agile customer support team.
At times of trouble, you wouldn’t want to wait for hours or days to receive a response from the support team on a major security issue.
WordPress security plugins offer scanning, cleaning, and protection:
- Scanning checks your site for malware.
- Cleaning removes malicious code.
- Protection measures prevent hacks.
And that’s all there is to it.
Now, let’s check out the ranking parameters in detail.
Comprehensive List of Features
For comprehensive security, you want your WordPress security plugin to have certain features.
Let’s talk about what these features are and why you might need them.
We’ll start with the most important one and we’ll work our way down to all the others, shall we?
A security plugin should offer you a minimum of 3 basic services – scanning, cleaning, and protection.
- Scanning is a process that involves checking your website for malware. If the scanner finds malware present on your website, you need a cleaner.
- The cleaner helps remove malicious codes found on your site. This may be manual or automatic malware removal. Manual removal is generally time-consuming and very risky. After cleaning your site, you will need comprehensive protection against future hacks.
- And protection involves taking measures that will prevent hacks. This includes login protection, brute-force protection DDoS protection, and WordPress hardening.
That said, the approach to scanning, cleaning, and protection differs from one WordPress plugin to the other.
As a general rule, you want:
- A scanner that offers server-level scanning and goes beyond the usual keyword checks, signature checks, and file integrity checks. You also want it to scan both the files and the database tables for malware.
- An automatic malware removal for instant malware cleanup. This makes it easy for you to clean the website yourself without having to wait for weeks on end for a security professional to clean your site for you while the hacker destroys your business.
- As many different options for WordPress hardening and protection as you can find. Typically, you will get 2FA, bot protection, firewall, and hardening. Traffic and login logs are a bonus point.
Not to sound salesy, but MalCare ticks all the boxes on that list! Seriously, we are constantly developing and adding more features to offer better and smarter security for your website.
Now that we understand the features that you should look for, let’s move on to the pricing.
Pricing
Pricing is one of the principal objections of almost every business.
“How do I know which of these WordPress plugins for security will do the job?”
“Am I overspending on security?”
“My website isn’t even hacked. Why would I spend my money on a paid plugin?”
“Do I even need this many features?”
These are all objections based on pricing.
Here’s the short answer to all of these questions:
- Invest in a plugin that gives you a good blend of protective services and covers all bases.
- You should ideally be spending less than $100/year for a single site license. Cheap plugins and free ones rarely do a good job.
- Ideally, you want something with zero hidden costs.
- And even if your site isn’t hacked right now, you should install a good security plugin.
It’s as simple as that.
Think of value over pricing. You are surely going to lose a hell lot more than $100 if your site does get hacked.
Ease of Use
This may not seem like a big deal, but if you buy security plugin and you have no idea how to use them – that’s a BIG problem.
You need a plugin that is:
- Easy to set up
- Optimized so that you can find all the important functions quickly
- Built to require as little involvement on your part as possible
If you are spending too much time on configuring the plugin or if you have to end up consulting an expert on how to do it, the plugin has failed you.
Miserably.
The next factor is what kind of cleanup you are getting. Again, that’s a biggie.
So, let’s dive in.
Cleanup Type
The way in which plugins remove malware from your website…
… is a very important factor.
Why?
Simple – there are way too many popular WordPress security plugins that do not offer malware removal at all. They basically offer a firewall, login protection, and WordPress hardening features.
Some of the ones that do offer cleanups, will most likely offer a manual cleanup. This is not inherently bad. The only problem is that manual cleanup requires a LOT of time and effort by very expensive WordPress security experts unless it’s a very small problem. So, the cost of cleaning is also usually very high.
Wordfence, for instance, has a surge pricing to deal with this bandwidth issue.
Sucuri pushes back on demand by limiting the number of scans.
You get the gist…
What you want is ideally an automatic cleaner that instantly removes malware from your site.
But features aren’t the only important factor. Those features have to be viable for long-term use. We’ll understand what that means next.
What’s Next?
If you’ve found the right plugin for you, we’re really happy for you. If you still can’t make your mind up about which WordPress security plugins to trust, you have two options now:
Option #1: Trust us when we say that MalCare is one of the most powerful plugins for wordpress security built with all the ranking parameters in mind. And then install MalCare.
Option #2: You can tweet specific questions that you may have to us at @malcaresecurity. Our engineers will respond to you with answers that actually help instead of bombarding you with sales pitches as you get everywhere else.
Another measure that we always advise is…
… LEARN MORE ABOUT WORDPRESS SECURITY.
Seriously, a little knowledge goes a long way.
We recommend that you start by reading our article on how to deal with a WordPress hacked site.
Until next time!
Join 20,000+ pe