สมมติว่าเรามีรูทแบบไบนารี เราต้องนับจำนวนโหนดที่มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับค่าของลูกหลานทั้งหมด
ดังนั้นหากอินพุตเป็นแบบ
จากนั้นผลลัพธ์จะเป็น 4 เนื่องจากโหนดทั้งหมดยกเว้น 3 เป็นไปตามเกณฑ์
เพื่อแก้ปัญหานี้ เราจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้ -
-
กำหนดฟังก์ชัน dfs() ซึ่งจะใช้โหนด
-
ถ้าโหนดไม่เป็นโมฆะ −
-
คืนค่า 0
-
-
l :=dfs(ซ้ายของโหนด)
-
r :=dfs(ทางขวาของโหนด)
-
ถ้า val ของโหนด>=สูงสุดของ l และ r แล้ว −
-
(เพิ่มการถอยกลับโดย 1)
-
-
x :=val สูงสุดของโหนด l และ r
-
ผลตอบแทน x
-
จากวิธีหลัก ให้ทำดังนี้
-
ยกเลิก :=0
-
dfs(root)
-
รีเทิร์น
ให้เราดูการใช้งานต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น -
ตัวอย่าง
#include <bits/stdc++.h> using namespace std; class TreeNode { public: int val; TreeNode *left, *right; TreeNode(int data) { val = data; left = NULL; right = NULL; } }; class Solution { public: int ret; int dfs(TreeNode* node){ if(!node) return 0; int l = dfs(node->left); int r = dfs(node->right); if(node->val >= max(l, r)) { ret++; } int x = max({node->val, l, r}); return x; } int solve(TreeNode* root) { ret = 0; dfs(root); return ret; } }; main(){ Solution ob; TreeNode *root = new TreeNode(7); root->left = new TreeNode(4); root->right = new TreeNode(3); root->right->left = new TreeNode(7); root->right->right = new TreeNode(5); cout << (ob.solve(root)); }
อินพุต
TreeNode *root = new TreeNode(7); root->left = new TreeNode(4); root->right = new TreeNode(3); root->right->left = new TreeNode(7); root->right->right = new TreeNode(5);
ผลลัพธ์
4