กำหนดให้แสดงการทำงานของฟังก์ชัน cos() สำหรับจำนวนเชิงซ้อนในภาษา C++
ฟังก์ชัน cos() เป็นส่วนหนึ่งของไลบรารีเทมเพลตมาตรฐาน C++ มันแตกต่างจากฟังก์ชัน cos() มาตรฐานเล็กน้อย แทนที่จะคำนวณโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนหรือจำนวนตรรกยะอย่างง่าย ระบบจะคำนวณค่าโคไซน์เชิงซ้อนของจำนวนเชิงซ้อน
สูตรทางคณิตศาสตร์สำหรับการคำนวณโคไซน์เชิงซ้อนคือ −
cos(z) =(e^(iz) + e^(-iz))/2
โดยที่ “z” แทนจำนวนเชิงซ้อนและ “i” แทนส่วนน้อย
จำนวนเชิงซ้อนควรประกาศดังนี้ −
ซับซ้อน
ในที่นี้
ไวยากรณ์
ไวยากรณ์มีดังนี้ −
cos(complexnumber)
ตัวอย่าง
Input: complexnumber(3,4) Output: -27.0349,-3.85115
คำอธิบาย − ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าเราสามารถใช้ฟังก์ชัน cos() ในการคำนวณค่าโคไซน์ของจำนวนเชิงซ้อนได้อย่างไร
3 คือส่วนจริง และ 4 คือส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อนตามที่แสดงในอินพุต จากนั้นเราจะได้ค่าโคไซน์ในผลลัพธ์เมื่อเราส่งจำนวนเชิงซ้อนไปยังฟังก์ชัน cos()
แนวทางที่ใช้ในโปรแกรมด้านล่างนี้ −
- ขั้นแรกให้ประกาศจำนวนเชิงซ้อน สมมติว่าจำนวนเชิงซ้อน (a,b) แล้วกำหนดค่าเชิงซ้อนให้กับมัน
- ควรกำหนดค่าสองค่าให้กับตัวแปรจำนวนเชิงซ้อน (a,b) ค่าแรกจะเป็นส่วนจริงของจำนวนเชิงซ้อน และค่าที่สองจะเป็นส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน
- สมมุติว่าจำนวนเชิงซ้อน(2,3) นี่จะแทนจำนวนเชิงซ้อน 2+3i
- ส่งผ่านจำนวนเชิงซ้อน(2,3) ที่เราสร้างไปยังฟังก์ชัน cos()
ตัวอย่าง
#include<iostream> #include<complex> using namespace std; int main() { complex<double> complexnumber(2,3); cout<<cos(complexnumber); return 0; }
ผลลัพธ์
หากเราเรียกใช้โค้ดข้างต้น มันจะสร้างผลลัพธ์ต่อไปนี้ -
<-1.56563,-3.29789>
2 คือส่วนจริงและ 3 คือส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน เมื่อเราส่งจำนวนเชิงซ้อนไปยังฟังก์ชัน cos() เราจะได้รับค่าโคไซน์ในผลลัพธ์ดังที่แสดงไว้