สระคือตัวอักษร a, e, i, o, u ตัวอักษรที่เหลือทั้งหมดเรียกว่าพยัญชนะ
โปรแกรมตรวจสอบตัวละครเป็นสระหรือพยัญชนะมีดังต่อไปนี้ -
ตัวอย่าง
#include <iostream> using namespace std; int main() { char c = 'a'; if (c == 'a' || c == 'e' || c == 'i' || c == 'o' || c == 'u' ) cout <<c<< " is a Vowel" << endl; else cout <<c<< " is a Consonant" << endl; return 0; }
ผลลัพธ์
a is a Vowel
ในโปรแกรมข้างต้น คำสั่ง if จะใช้เพื่อค้นหาว่าอักขระนั้นเป็น a, e, i, o หรือ u ถ้าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คือสระ มิฉะนั้นจะเป็นพยัญชนะ
ซึ่งแสดงในตัวอย่างโค้ดด้านล่าง
if (c == 'a' || c == 'e' || c == 'i' || c == 'o' || c == 'u' ) cout <<c<< " is a Vowel" << endl; else cout <<c<< " is a Consonant" << endl;
โปรแกรมด้านบนจะตรวจสอบเฉพาะอักขระตัวพิมพ์เล็กเท่านั้น ดังนั้น โปรแกรมที่ตรวจสอบอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กมีดังนี้ −
ตัวอย่าง
#include <iostream> using namespace std; int main() { char c = 'B'; if (c == 'a' || c == 'e' || c == 'i' || c == 'o' || c == 'u' || c == 'A' || c == 'E' || c == 'I' || c == 'O' || c == 'U') cout <<c<< " is a Vowel" << endl; else cout <<c<< " is a Consonant" << endl; return 0; }
B is a Consonant
ในโปรแกรมข้างต้น คำสั่ง if จะใช้เพื่อค้นหาว่าอักขระนั้นเป็น a, e, i, o หรือ u (ทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก). หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงว่าเป็นสระ มิฉะนั้นจะเป็นพยัญชนะ
if (c == 'a' || c == 'e' || c == 'i' || c == 'o' || c == 'u' || c == 'A' || c == 'E' || c == 'I' || c == 'O' || c == 'U') cout <<c<< " is a Vowel" << endl; else cout <<c<< " is a Consonant" << endl;