ค่ามัธยฐานแสดงค่าที่แยกครึ่งที่สูงกว่าจากครึ่งล่างของตัวอย่างข้อมูล Microsoft Excel มีฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณคำนวณค่ามัธยฐานได้อย่างง่ายดาย มาดูวิธีการทำการคำนวณค่ามัธยฐานใน Excel .
การคำนวณค่ามัธยฐานใน Excel
ฟังก์ชันมัธยฐานใน Excel สามารถจัดประเภทเป็นฟังก์ชันทางสถิติได้ สามารถป้อนเป็นส่วนหนึ่งของสูตรในเซลล์ของเวิร์กชีต ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน MEDIAN มีดังนี้:
MEDIAN (number1, [number2], …)
โดยที่ number1, number2, … คือค่าตัวเลขที่คุณต้องการคำนวณค่ามัธยฐาน ซึ่งอาจเป็นตัวเลข ช่วงที่ตั้งชื่อ หรือการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีตัวเลข ต้องระบุหมายเลข 1 หมายเลขถัดไปเป็นทางเลือก
การใช้ฟังก์ชัน MEDIAN เป็นฟังก์ชันเวิร์กชีตใน Microsoft Excel:
- ป้อนค่าในเซลล์
- ใช้สูตรในการคำนวณค่า
1] ป้อนค่าในเซลล์
สมมติว่าคุณต้องการหาค่ามัธยฐานของตัวเลขในเซลล์ D2:D8 . เพียงป้อนค่าข้อมูลโดยเปิดแผ่นงาน Excel เปล่าแล้วทำดังต่อไปนี้
สร้างคอลัมน์ค่าใช้จ่ายรายเดือนเฉลี่ยและอีกคอลัมน์หนึ่งติดกับจำนวนเงิน
ป้อนคำอธิบายในคอลัมน์ 1 และมูลค่าหรือจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องในคอลัมน์ 2
2] ใช้สูตรคำนวณค่า
ในการคำนวณค่ามัธยฐานให้คลิกภายในเซลล์ใดๆ และใช้สูตรง่ายๆ ดังนี้:
=MEDIAN (D2:D8)
ค่ามัธยฐานที่สอดคล้องกับข้อมูลจะปรากฏในเซลล์ทันที ในที่นี้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือเมื่อจำนวนค่าทั้งหมดเป็นเลขคี่ ฟังก์ชัน Excel MEDIAN จะส่งกลับตัวเลขตรงกลางในชุดข้อมูล กล่าวคือ หากมีตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 7 ค่ามัธยฐานจะเป็น 4 (1,2) ,3,4, 5,6,7)
หรือเมื่อจำนวนค่าทั้งหมดเป็นเลขคู่ Excel จะส่งกลับเป็นค่าเฉลี่ยของตัวเลขตรงกลางสองตัว กล่าวคือ หากมีตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 8 ค่ามัธยฐานจะเป็น (1,2,3,4,5,6 ,7,8) 4+5/2 =4.5
คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเซลล์ที่มีข้อความเนื่องจากเซลล์ว่าง เช่นเดียวกับเซลล์ที่มีข้อความและค่าตรรกะจะถูกละเว้น
หมายเหตุ :เซลล์ที่มีค่าศูนย์ (0) จะรวมอยู่ในการคำนวณ
ใน Microsoft Excel เวอร์ชันล่าสุด ฟังก์ชัน MEDIAN ยอมรับได้ถึง 255 อาร์กิวเมนต์