ในการคำนวณการผกผันเทียม (Moore-Penrose) ของสแต็กของเมทริกซ์ ให้ใช้เมธอด numpy.linalg.pinv() ใน Python คำนวณค่าผกผันทั่วไปของเมทริกซ์โดยใช้การสลายตัวของค่าเอกพจน์ (SVD) และรวมค่าเอกพจน์ขนาดใหญ่ทั้งหมดด้วย
พารามิเตอร์ตัวที่ 1 a คือเมทริกซ์หรือสแต็กของเมทริกซ์ที่จะกลับค่าเทียม พารามิเตอร์ตัวที่ 2 rcodn เป็นตัวตัดสำหรับค่าเอกพจน์ขนาดเล็ก ค่าเอกพจน์ที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ rcond * maximum_singular_value ถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ ออกอากาศเทียบกับสแต็กของเมทริกซ์ พารามิเตอร์ตัวที่ 3 คือ Hermitian หากเป็น True จะถือว่า a เป็น Hermitian ซึ่งช่วยให้สามารถค้นหาค่าเอกพจน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ค่าเริ่มต้นเป็นเท็จ
ขั้นตอน
ขั้นแรก ให้นำเข้าไลบรารีที่จำเป็น
import numpy as np
สร้างอาร์เรย์โดยใช้ array()
arr = np.array([ [[1, 2], [3, 4]], [[1, 2], [2, 1]], [[1, 3], [3, 1]] ])
แสดงอาร์เรย์
print("Our Array...\n",arr)
ตรวจสอบขนาด
print("\nDimensions of our Array...\n",arr.ndim)
รับประเภทข้อมูล
print("\nDatatype of our Array object...\n",arr.dtype)
รับรูปร่าง
print("\nShape of our Array object...\n",arr.shape)
ในการคำนวณการผกผันเทียม (Moore-Penrose) ของสแต็กของเมทริกซ์ ให้ใช้เมธอด numpy.linalg.pinv() ใน Python
print("\nResult...\n",np.linalg.pinv(arr))
ตัวอย่าง
import numpy as np # Create an array using array() arr = np.array([ [[1, 2], [3, 4]], [[1, 2], [2, 1]], [[1, 3], [3, 1]] ]) # Display the array print("Our Array...\n",arr) # Check the Dimensions print("\nDimensions of our Array...\n",arr.ndim) # Get the Datatype print("\nDatatype of our Array object...\n",arr.dtype) # Get the Shape print("\nShape of our Array object...\n",arr.shape) # To Compute the (Moore-Penrose) pseudo-inverse of a stack of matrices, use the numpy.linalg.pinv() method in Python. print("\nResult...\n",np.linalg.pinv(arr))
ผลลัพธ์
Our Array... [[[1 2] [3 4]] [[1 2] [2 1]] [[1 3] [3 1]]] Dimensions of our Array... 3 Datatype of our Array object... int64 Shape of our Array object... (3, 2, 2) Result... [[[-2. 1. ] [ 1.5 -0.5 ]] [[-0.33333333 0.66666667] [ 0.66666667 -0.33333333]] [[-0.125 0.375 ] [ 0.375 -0.125 ]]]